เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ที่ สภ.เมืองนครพนม นายรพิพงศ์ ปุณยจารุศิริ หรือ เอ็ม อายุ 49 ปี อาชีพทนายความ ปัจจุบันทำงานประจำสำนักงานทนายความนิติธรรม ใน ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี นำเอกสารหลักฐาน เข้าพบ ร.ต.อ.จำรัส ศรีหาตา รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อกล่าวหา ดำเนินคดีกับ นายกนก รัตน์วงค์สกุล และ นายธีระ ธัญไพบูลย์ ผู้ประกาศข่าวชื่อดังสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ฐานความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หมิ่นประมาท โดยการโฆษณาด้วยเอกสารภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น
โดยมีการนำข้อความขึ้นหน้ารายการว่า ทนายเอ็ม กุนซือก๊วนเรือดอดมอบตัวตำรวจ เกี่ยวกับคดีน้องแตงโม ตามที่เป็นข่าว พร้อมมีการนำภาพ ทนายเอ็มเผยแพร่ทางสื่อ แต่เป็นทนายเอ็ม คนละคน ซึ่งภาพที่โชว์ในเนื้อหาข่าว เป็นภาพของ นายรพิพงศ์ ปุณยจารุศิริ แต่มีชื่อเล่นเดียวกันคือ ทนายเอ็ม เชื่อว่ามีการนำข้อมูลไปจากเฟซบุ๊ก โดยมีการเผยแพร่ข้อมูล เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ภายหลังได้มีแฟนคลับที่ติดตามคดีน้องแตงโม เข้ามาแสดงความคิดเห็น ในทางเสื่อมเสีย ทัวร์ลง สร้างความเสื่อมเสียให้กับตนเองและครอบครัว และกระทบวิชาชีพทนายความ จึงต้องออกมาแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีเอาผิด กับ บุคคลทั้งสอง อีกทั้งร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีน้องแตงโม เพียงมีอาชีพทนายความ และมีชื่อเล่น ทนายเอ็ม เช่นเดียวกันกับทนายเอ็มที่ตกเป็นข่าว
นายรพิพงศ์ ปุณยจารุศิริ หรือทนายเอ็ม อายุ 49 ปี เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพทนายความมานานกว่า 24 ปี ในช่วงนี้รับทำคดีให้ลูกความในพื้นที่ จ.นครพนม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา กลายเป็น ทนายเอ็มคนดังในคดีแตงโมชั่วข้ามคืน หลังผู้ประกาศข่าวสองท่าน รายการดัง คือ นายกนก รัตน์วงค์สกุล และนาย ธีระ ธัญไพบูลย์ ผู้ประกาศข่าวชื่อดังสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง นำภาพหลักฐานภาพถ่ายของตน ในชุดครุยทนายความ ที่ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ไปเผยแพร่เชื่อมโยง ว่าเป็นทนายเอ็ม ที่เป็นข่าวกุนซือช่วยผู้ต้องหาในคดีน้องแตงโม ทั้งที่เป็นคนละคน แต่มีชื่อเล่นเดียวกันคือทนายเอ็ม
ภายหลังออกข่าว ส่งผลกระทบต่อตนเอง และครอบครัว ทำให้มีคนมาแสดงความคิดเห็นในทางเสื่อมเสีย กระทบวิชาชีพทนาย ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด ตนจึงได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อ รวมถึงแจ้งความดำเนินคดีในความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ รวมถึงหมื่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะหากปล่อยไว้เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อวิชาชีพทนายอย่างแน่นอน และอยากให้ผู้ประกาศข่าวทั้งสองท่าน ออกมาชี้แจงแก้ไขข้อมูล เพราะปัจจุบันทัวร์ลงทางโซเชียล ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในทางเสื่อมเสียเป็นล้านคน อย่างไรก็ตามตนจะได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อฟ้องความผิดทางแพ่งต่อไป อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำไปเผยแพร่ และขอให้ออกมาชี้แจงเร่งด่วน ซึ่งกรณีดังกล่าว ตนในฐานะทนายความเชื่อว่า มีความผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา