หลวงปู่ถนอม จันทวโร พระเกจิชื่อดังนครพนม : มงคลข่าวสด
“พระครูสิริโพธาภิวัฒน์” หรือ “หลวงปู่ถนอม จันทวโร” เป็นพระเกจิชื่อดังอีกรูปของนครพนม มีวัตรปฏิบัติดี เปี่ยมเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ และเป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่สนธิ์
ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอโพนสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดขามเตี้ยใหญ่ บ้านขามเตี้ยใหญ่ ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม
มีนามเดิมว่า นายถนอม นนทศรี เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 1 มี.ค.2483 ปีมะโรง ที่บ้านขามเตี้ยใหญ่ ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม
อายุ 18 ปี บวชเป็นสามเณร เมื่อปีพ.ศ.2501 ที่อุโบสถวัดโพธิ์ศรี บ.ขามเตี้ย ต.ขามเตี้ย อ.ท่าอุเทน (ในขณะนั้น)
ต่อมาอีก 2 ปีเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2503 โดยมี พระครูสันธานพนมเขต หรือ หลวงปู่สนธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูโสตถิธรรมคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงปู่ที เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จากนั้น กราบลาพระอุปัชฌาย์ กลับมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่บ้านเกิด โดยร่ำเรียนที่สำนักวัดศรีทอง ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จบนักธรรมชั้นเอก ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้ จึงไปร่ำเรียนวิทยาคมต่างๆ จากหลวงปู่สนธิ์ ผู้เป็นพระอาจารย์ นาน 7 ปี
พ.ศ.2510 กราบลาพระอาจารย์ จาริกธุดงค์ไปในภาคเหนือของฝั่งลาว จำพรรษาอยู่ที่วัดพระบาทแอวขันธ์มหาวิหาร บ้านนาคาย เมืองชัยธานี นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อศึกษาคัมภีร์มูลกัจจายน์ อักษรธรรม อักษรขอม อักษรไทยและอักษรลาว เป็นต้น
ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่เพ็ง ซึ่งเป็นพระเกจิที่วัดพระบาทแอวขันธ์ และได้พบกับอดีตพระเกจิชื่อดังของเมืองไทยหลายรูป อาทิ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แม่ทัพธรรม ภาคอีสาน, พระอาจารย์วัน อุตตโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และพระเถราจารย์อีกหลายรูปที่วัดแห่งนี้ด้วย
ต่อจากนั้น จึงเดินธุดงค์ไปฝึกกัมมัฏฐานที่เมืองบังบด-ภูเขาควาย ฝั่งลาว กับหลวงปู่เพ็ง โดยนั่งสมาธิบำเพ็ญภาวนาในถ้ำยักษ์นานเป็นเวลา 6 เดือน
หลังจากจาริกแสวงบุญไปตามป่าเขาฝั่งสปป.ลาว ก่อนจะหยุดธุดงค์ในปี พ.ศ.2538 จึงกลับสู่มาตุภูมิเพื่อมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด และอยู่จำพรรษาที่วัดขามเตี้ยใหญ่ จวบจนปัจจุบันนี้
ระหว่างที่อยู่วัดแห่งนี้ หลวงปู่ประไพ อัคคธัมโมสหธรรมิก อดีตพระเกจิชื่อดังสายป่า ซึ่งอยู่วัดละแวกใกล้เคียงกันก็หมั่นแวะเวียนมาสนทนาธรรมบ่อยครั้ง
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี พ.ศ.2511 เป็นเจ้าคณะตำบลนาขมิ้น พ.ศ.2521 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ต.นาขมิ้น อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบัน อ.โพนสวรรค์) และในปี พ.ศ.2538 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอโพนสวรรค์ จนถึงปัจจุบัน
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2529 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสิริโพธาภิวัฒน์ ปี พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
เป็นพระที่มุ่งมั่นในศีลธรรม หมั่นอบรมอุบาสกอุบาสิกา และญาติโยมให้เข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายสมถะ ไม่ถือตัว ทั้งยังมีความชำนาญด้านช่างไม้ ช่างปูน ช่างเหล็ก ลงมือก่อสร้างกุฏิ โดยมีพระภิกษุ-สามเณรภายในวัดร่วมลงแรง
โอวาทธรรมที่น่าสนใจ “สมณเพศต้องมีวินัย ศีล ปัญญา สมาธิ ที่สำคัญต้องตั้งมั่นในสติ ไม่ว่าจะอยู่ในมหานิกาย หรือธรรมยุต ศีล 227 ข้อ ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย อยู่ที่การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และตัวผู้ปฏิบัติเท่านั้น”
แม้ว่าจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทำวัตร สวดมนต์ และปฏิบัติศาสนกิจเป็นปกติ
แต่ด้วยอายุขัยล่วงเข้าปัจฉิมวัย สังขารเริ่มร่วงโรย อีกทั้งหลวงปู่มีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจรั่ว ต้องไปพบแพทย์ตามนัดที่ ร.พ.นครพนม เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา รับยามาฉันและฉันภัตตาหารได้มากกว่าปกติ
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ช่วงเช้าหลังจากทำวัตรสวดมนต์ กวาดลานวัดตามปกติเป็นประจำ และพุดคุยกับพระลูกวัด ยังมีอาการปกติ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
ลูกศิษย์ประคองหลวงปู่เข้าไปในกุฏิ ซึ่งหลวงปู่บอกว่าเหนื่อย จึงประคองตัวเอนตัวลงนอนหน้าโต๊ะหมู่บูชา แต่เกิดช็อกหมดสติ ไม่มีลมหายใจ จึงเรียกพระลูกศิษย์เข้ามาดูอาการ และเตรียมพาไปหาแพทย์ แต่ก็ไม่ทันการณ์
จึงมรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 06.30 น.
สิริอายุ 81 ปี พรรษา 61