เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.นาหว้า จ.นครพนม มีผู้เสียหายถูกสวมสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ นายนิคม อุ่มอาสา อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 บ้านนาคอย หมู่ 5 ต.นางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาหว้า จ.นครพนม พร้อมเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่คลังจังหวัดนครพนม เพื่อสอบสวนดำเนินคดีหาคนผิด เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา หลังตรวจสอบพบถูกสวมสิทธิมีคนนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามโครงการรัฐบาลไปใช้จ่าย ตั้งแต่ปี 2560 โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีการลงทะเบียนเราชนะ จึงพบว่า มีการใช้สิทธิในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาตลอด จึงได้ออกมาร้องทุกข์เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะทำให้ตนเสียสิทธิ
ด้านตำรวจได้ทำการสอบสวนและรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อตรวจสอบติดตามหาคนที่สวมสิทธิมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมประสานทางธนาคารเกี่ยวข้อง คือ ธนาคารกรุงไทย เจ้าของบัตร และธนาคาร ธกส. ให้ทำการอายัดบัตร และตรวจสอบเส้นทางการนำบัตรไปใช้สวมสิทธิ เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เป็นคนใกล้ตัวนำเอกสารไปสวมสิทธิและมีการใช้จ่ายตามร้านค้าในพื้นที่
ด้าน นายนิคม อุ่มอาสา อายุ 60 ปี เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาการสวมสิทธิตนมารู้ทีหลัง เพราะได้ไปลงทะเบียนขอรับสิทธิโครงการเราชนะ ให้ลูกสาวลงทะเบียนให้ผ่านโทรศัพท์มือถือ พบว่าคุณสมบัติไม่ผ่าน จึงนำเอาเอกสารไปตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนที่ธนาคาร ธกส. สาขา อ.นาหว้า จ.นครพนม ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงไม่มีสิทธิในโครงการดังกล่าว จึงรู้ว่าตัวเองถูกสวมสิทธิทั้งที่ไม่เคยนำไปใช้และไม่รู้มาก่อนว่า ตัวเองได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาตั้งแต่ปี 2560 จึงนำเรื่องเข้าร้องเรียนกับฝ่ายปกครอง อ.นาหว้า พร้อมกับเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.นาหว้า ล่าสุดได้เข้าขอความช่วยเหลือจากคลังจังหวัดนครพนม เพื่อขอคืนสิทธิ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้ใช้สิทธิตามโครงการ และยังต้องมาเสียสิทธิโครงการเราชนะอีก ทั้งที่ตนมีรายได้น้อย ปกติมีอาชีพทำงานรับจ้างร้านปะยางได้วันละไม่กี่ 100 บาท แทนที่จะได้รับเงินมาจุนเจือดูแลครอบครัว วอนตำรวจเร่งสืบสวนเอาตัวคนผิดที่นำบัตรไปใช้งานมาดำเนินคดีให้ได้
ด้านนางสุธิษา จารุเมธาวิทย์ คลังจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์ ได้ ตรวจสอบข้อมูลประสานงานกับตำรวจท้องที่เกิดเหตุ สภ.นาหว้า จ.นครพนม เพื่อสืบสวนสอบสวนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบว่า มีการนำบัตรไปใช้งานจริง โดยมีผู้นำชุมชนรับบัตรไปแจกจ่าย แต่ยังไม่รู้ตัวบุคคลที่นำไปใช้สิทธิ โดยเจ้าตัวไม่ได้ติดตามตรวจสอบ จึงไม่รู้ว่าตนเองได้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาตั้งแต่ปี 2560 จึงถูกนำไปใช้งานสวมสิทธิมาตลอด โดยทางคลังจังหวัดจะได้เร่งให้การช่วยเหลือประสานทางธนาคารกรุงไทย ทำการอายัดบัตร และให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องออกบัตรใหม่ให้ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ เป็นการคืนสิทธิส่วนการติดตามคนผิด ที่นำบัตรไปใช้รวมถึงการดำเนินคดี ได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ฝากเตือนประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นขอสิทธิ หรือได้รับสิทธิ ตามมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ ให้พยายามตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้าง จะให้การช่วยเหลือในการยื่นขอสิทธิ ป้องกันการสวมสิทธิ์