‘ตร.นครพนม’ จับยาบ้า 4 แสนเม็ดพร้อมผู้ต้องหา 3 คน หัวใสยัดใส่กระเป๋าหรูนั่งรถทัวร์ล่องใต้
วันที่ 12 เมษายน 2564 ที่บริเวณหน้า สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.) พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง รอง ผบก. พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิตธิโชติ ผกก.สืบสวน บก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผกก.บก.ปส.3 บช.ปส. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กรมทหารพรานที่ 22/หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองร้อย ตชด.237 และฝ่ายปกครอง แถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติพร้อมของกลางยาบ้า 4 แสนเม็ด รถยนต์ 2 คัน และผู้ต้องหาจำนวน 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากราษฎรชาวบ้านตาลปากน้ำ หมู่ 2 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน ว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน จึงได้วางแผนตรวจสกัดบริเวณจุดบริการประชาชนริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (นครพนม-บ้านแพง) หน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าจำปา (รพ.สต.ท่าจำปา) อ.ท่าอุเทน กระทั่งเวลา 19.30 น. พบรถกระบะตอนเดียวยี่ห้อนิสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม สีเขียว ทะเบียน บน 4775 สกลนคร ทราบภายหลังว่าคนขับชื่อนายอาทิตย์ วะตะมะ อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 52/1 หมู่ 8 บ้านนาแค ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน ท่าทางมีพิรุธจึงทำการตรวจค้นพบกระสอบสีเขียวและสีเหลืองจำนวน 2 ใบ วางอยู่ท้ายกระบะ ภายในบรรจุวัตถุแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าจึงเปิดออกดูพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก สอบถามนายอาทิตย์ ยอมรับว่าเป็นยาบ้าที่รับมาจากริมแม่น้ำโขงบ้านตาลปากน้ำ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน ตนเป็นเพียงผู้รับจ้าง ชุดจับกุมจึงนำตัวไปสอบสวนขยายผล
นายอาทิตย์ผู้ต้องหาให้การว่า รู้จักกับนายทุนชาวลาวให้ตนรับจ้างขนยาบ้าไปส่งกับชุดลำเลียงที่จะขับรถยนต์มารับต่ออีกทอด โดยให้ค่าจ้าง 40,000 บาท เห็นว่าเป็นงานง่ายจึงตกลงทำ ซึ่งครั้งแรกประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้รับจ้างขนยาบ้าจากริมโขงจำนวน 3 กระสอบปุ๋ยไปส่งชุดลำเลียงบริเวณริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 หน้าวัดพุทธนิมิต บ้านนาโสกใต้หมู่ 10 ต.เวินพระบาท แต่หลังทำงานสำเร็จกลับได้ค่าจ้างเพียง 18,000 บาท ส่วนที่เหลือนายทุนอ้างจะเอามาให้อีกภายหลัง
ก่อนถูกจับกุมนายทุนชาวลาวได้โทรศัพท์ให้ตนขับรถยนต์ไปขนยาบ้าริมฝั่งโขงที่เดิม และให้ค่าจ้าง 40,000 บาทเท่าเดิม โดยอ้างว่าจะเคลียร์ของเก่าที่ค้างให้ด้วย ซึ่งยาบ้าถูกนำมาโยนไว้ริมตลิ่ง ตนจึงไปแบกขึ้นมาใส่ท้ายกระบะขับมาตามทาง กระทั่งเจอด่านตรวจบริเวณดังกล่าว หากผ่านด่านตรวจได้ก็จะไปจอดรอชุดลำเลียงตรงจุดนัดหมายเดิม
พ.ต.ท.รัชพงษ์ นามปัดสา รอง ผกก.ปป.สภ.ท่าอุเทน หลังสอบปากคำผู้ต้องหาวัยดึกนี้เรียบร้อยแล้ว ได้วางแผนร่วมกับ พ.ต.สิทธิศักดิ์ สิงหะสุริยะ ผบ.ร้อย ฉก.ทพ.2109 ฉก.ทพ.21 เพื่อจับกุมคนร้ายที่จะมารับของที่นัดไว้กับนายอาทิตย์ โดยให้นายอาทิตย์ขับรถไปจอดบริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เขตบ้านห้อม อ.เมือง จ.นครพนม และมีรถเก๋งโตโยต้า รุ่นโคโรน่า ทะเบียน 1 ขฎ 7005 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาถึงจุดนัดพบโดยมีการส่งสัญญาณเป็นไฟกะพริบให้กันและกัน จากนั้นคนขับรถเก๋งเดินลงมาเคาะกระจกรถนายอาทิตย์ให้ขับไปที่จุดเดิมคือหน้าวัดพุทธนิมิต นายอาทิตย์จึงขับนำหน้าไป โดยมีรถเก๋งโคโรน่าขับตามหลังไปยังจุดส่งยาหน้าวัดพุทธนิมิต บ้านนาโสกเหนือ หมู่ 10 ต.เวินพระบาท
เมื่อถึงจุดที่รับส่งยาบ้า ก็มีคนขับทราบชื่อนายสันติสุข อุดมพันธ์ หรือเบิร์ด อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 231 หมู่ 13 บ้านหนองหงส์ ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ และนายรัฐนนท์ สิมทัศน์ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 32 หมู่ 7 บ้านโนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ได้ลงจากรถมายกกระสอบบรรจุยาบ้าเพื่อนำไปใส่รถเก๋ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จึงได้แสดงตนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน นำไปสอบสวน สภ.ท่าอุเทน และร่วมกันตรวจสอบยาเสพติด (ยาบ้า) บรรจุกระสอบสีเขียว จำนวน 34 มัด กระสอบสีเหลือง จำนวน 33 มัด รวม 67 มัด รวมยาบ้าจำนวน 400,000 เม็ด นอกจากนี้ ที่ฝากระโปรงท้ายรถเก๋งยังพบกระเป๋าเดินทางสีฟ้ายี่ห้อดังจำนวน 2 ใบ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสันติสุข หรือเบิร์ด ให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวลาว ให้ทำหน้าที่ขับรถยนต์มารับยาบ้าจากนายอาทิตย์ โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 200,000 บาท ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ส่วนนายรัฐนนท์เป็นคนบ้านเดียวกัน ตนจ้างให้นั่งรถมาเป็นเพื่อนให้ค่าจ้างครั้งละ 15,000 บาท ส่วนเงินที่ได้จากการว่าจ้างจะนำไปเที่ยวเตร่จนหมด
ก่อนพบจุดจบนายเบิร์ดได้รับการติดต่อจากนายทุนให้ขับรถไปรับยาบ้ากับนายอาทิตย์ บริเวณจุดเดิมคือหน้าวัดพุทธนิมิต ตนจึงไปรับนายรัฐนนท์เดินทางจากจังหวัดบุรรีรัมย์มาเปิดห้องพักในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน กระทั่งคืนวันที่ 10 เมษายน ก็ออกจากที่พักเพื่อไปรับยาบ้าตามที่นัดหมายกันไว้ จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว ซึ่งนายเบิร์ดเล่าต่อว่า สองครั้งที่ผ่านมาหลังรับยาบ้าแล้ว จะนำมาบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ แล้วจะโดยสารรถทัวร์ล่องไปภาคใต้ส่งให้กับผู้มารอรับอีกทอด การที่ต้องบรรจุใส่ในกระเป๋าเดินทางเพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่เพราะกระเป๋าเดินทางที่เตรียมมามีราคาแพง หากระหว่างทางมีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่จะไม่ค่อยขอเปิดดู จึงเป็นช่องว่างให้ลำเลียงยาเสพติดล่องลงใต้ได้ง่าย หลังสอบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป