ผู้ว่าฯ นครพนมสั่งสอบผู้ใหญ่บ้านหญิง วัย 55 ปี ติดโควิดมาจากพื้นที่เสี่ยง จ.ปทุมธานี ตระเวนแพร่เชื้อไปตามวัด เดือดร้อนพระเณรถูกกักตัววุ่น โทษสูงสุดถึงไล่ออก ขณะที่เจอเพิ่ม 7 ราย สะสมรวม 59 ราย
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นผู้ใหญ่บ้านหญิง อายุ 55 ปี ชาวบ้านน้ำก่ำ หมู่ 18 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เดินทางไปธุระ และเยี่ยมลูกสาวในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงการระบาดของโรคโควิด ในช่วงระหว่างวันที่ 9 เมษายน 2564 ภายหลังลูกสาวกับลูกเขยได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมาส่งที่บ้าน ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 โดยไม่มีการกักตัว ทั้งที่มาจากพื้นที่เสี่ยง
อีกทั้งยังพาครอบครัวไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน คือ วัดโสภณธรรมาราม บ.น้ำก่ำ หมู่ 18 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อนำรถยนต์ป้ายแดงไปเจิมกับพระเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 จนกระทั่งมีอาการป่วยผิดปกติ และเข้ารับการตรวจหาเชื้อพบว่าติดเชื้อโควิด เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 และเข้ารับการตรวจรักษา ทำให้ทีมคัดกรองโรค สสจ.นครพนม ต้องระดมลงพื้นที่ตรวจสอบคัดกรองตามเส้นทางไทม์ไลน์ รวมถึงให้พระ เณร ในวัดทั้ง 11 รูป ต้องกักตัวคัดกรองหาเชื้อ 14 วัน สร้างความหวาดวิตกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งนับเป็นผู้ป่วยรายที่ 48
ส่วนปัจจุบัน เกี่ยวกับสถานการณ์ตรวจคัดกรองหาเชื้อ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม ทีม สสจ.นครพนม ยังคงระดมเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจคัดกรองเชิงรุก ณ ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ระหว่างวันที่ 17-22 เมษายน 2564 เพื่อคัดกรองหาเชื้อ สำหรับกลุ่มเสี่ยง คลัสเตอร์สถานบันเทิง โดยมีผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อแล้วกว่า 1,500 ราย ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 7 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสมสูงถึง 59 ราย
ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับผู้ใหญ่บ้านที่ตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะมีความผิดคือไม่กักตัว รวมถึงญาติพี่น้อง ทั้งที่รู้ว่าตัวเองมาจากพื้นที่เสี่ยง ยืนยันไม่ได้ซ้ำเติม แต่ผู้ใหญ่บ้านรายนี้เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และยังเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ต้องรู้คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อ ที่สำคัญถือว่าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทั้งที่มีคำสั่งประกาศจังหวัดนครพนมชัดเจน สั่งให้กักตัวก็ไม่กัก ญาติพี่น้องมาก็ไม่กักตัว และยังตระเวนไปทำบุญ เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อเพิ่มอีก
ผวจ.นครพนม กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นตนได้สั่งการให้นายอำเภอธาตุพนมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ให้ทราบผลภายใน 15 วัน ส่วนบทลงโทษต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าจะเข้าข้อหาความผิดวินัยฐานความผิดอะไร ถ้าไม่ร้ายแรงลดขั้นเงินเดือน ว่ากล่าวตักเตือนทัณฑ์บน หากถึงขั้นรุนแรงต้องไล่ออก โดยกรณีดังกล่าวไม่ควรจะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่บ้าน ถึงจะเป็นรายแรกก็ไม่น่าจะมี เพราะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ต้องตระหนักช่วยกันในการป้องกันการระบาด ไม่ใช่สร้างปัญหาเพิ่ม.