เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
MGR Online – รองโฆษก บช.น.นำแถลงผลงานตำรวจสืบ บก.น.7 ซุ่มจับผู้ต้องหา 3 ราย นัดส่งกัญชาที่วัดย่าน จ.สมุทรสาคร ตรวจยึด 240 กก.ซุกรถกระบะ ขนจากชายแดน จ.นครพนม ลงมาสุดท้ายไม่รอด รับทำมาแล้ว 2 ปี
วันนี้ (7 ม.ค.) เวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.ในฐานะรองโฆษก บช.น. พ.ต.อ.คมสิทธิ์ รังไสย์ รอง ผบก.น.7 แถลงข่าว พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ ผกก.สส.บก.น.7 และตำรวจ กก.สส.บก.น.7 จับกุม นายอาภากร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี นายสุทธิพงษ์ (สวงนนามสกุล) อายุ 27 ปี และ นายมานพ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี พร้อมของกลาง กัญชา อัดแท่ง 240 กก. รถกระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ได้ที่บริเวณวัดบางปิ้ง ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจ กก.สส.บก.น.7 ได้รับเบาะแสจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ผ่าน จ.สกลนคร จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.สระบุรี เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้ถนนบรมราชชนนี ถนนพุทธมณฑลสาย 4 จุดหมายวัดบางปิ้ง ต่อมา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซู รุ่นดีแมคซ์ สีขาว ทะเบียน ผฉ 6886 อุบลราชธานี จึงติดตามไปถึงวัดบางปิ้งพบ นายอาภาพร คนขับ ลงจากรถพร้อม นายสุทธิพงษ์ เพื่อพบกับ นายมานพ ที่ขับรถจักรยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นนูโว สีน้ำเงิน เลขทะเบียน ขพธ 643 ระยอง จอดรอรับยาเสพติด ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุมตรวจค้นพบของกลาง กัญชา 240 กก. ซุกซ่อนภายในรถกระบะ
จากการสอบถาม นายอาภากร ทราบว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายอ้อ (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ให้ขับรถกระบะขนกัญชาจาก จ.นครพนม เพื่อไปส่งที่วัดบางปิ้งได้ค่าจ่าง 10,000 บาท เดินทางมาพร้อมกับ นายสุทธิพงษ์ สาวประเภทสอง คนรักที่อยู่กินกันมา 1 ปี ส่วน นายมานพ ได้รับว่าจ้างจาก นายสันติ (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) 13,000 บาท ให้ไปรอรับรถกระบะคันดังกล่าวที่วัดบางปิ้ง เพื่อนำไปส่งอีกจุดแต่มาถูกจับกุมเสียก่อน ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ทำมาแล้ว 2 ปี ทั้งนี้ กัญชาลอตดังกล่าวมาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่าน จ.นครพนม โดยมี นายสันติ เป็นเจ้าของ และมี นายอ้อ เป็นลูกน้อง
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและอยู่ระหว่างขยายผลไปยัง นายสันติ และ นายอ้อ ต่อไป.