วันจันทร์ ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565, 18.01 น.
วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวัดนครพนมได้กำหนดจัดงานพิธีบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคม รวม 7 วัน 7 คืน ณ บริเวณแลนด์มาร์คลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยในแต่ละปีจะมีศิลปิน ดารา น้องร้อง นักแสดงชื่อดังมาร่วมงานเสมอมา เช่นในปีนี้มีดารานางแบบชื่อดัง “แซมมี่ เคาวเวลล์” หรือ ดลลชา ภูวิจารณ์ สาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ดีกรีไทยซุปเปอร์โมเดล 2007 ร่วมในพิธีรำบวงสรวงพ่อปู่พญานาค ในเปิดงานวันที่ 7 กรกฎาคม โดยมีนางรำจาก 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติร่วมพิธีไม่น้อยกว่า 1,000 ชีวิต
“แซมมี่ เคาวเวลล์” ดารานางแบบชื่อดังรายนี้ มีผลงานละครทางช่อง 7 สร้างชื่อเสียงให้แฟนละครเป็นที่รู้จักจากเรื่อง ปอบผีฟ้า,ไฟรักเกมร้อน,เลื่อมสลับลาย,ทะเลลวง,เพลิงปริศนา,นางแบบโคกกระโดน,ไฟหวน เป็นต้น ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 65 ที่ผ่านมา แซมมี่เคยมารำบวงสรวงองค์พญาศรีสัตตนาคราชมาแล้วครั้งหนึ่ง และรู้สึกประทับใจน้ำใจไมตรีของชาวจังหวัดนครพนมเป็นอย่างมาก
งานพิธีบวงสรวงในวันแรก นอกจากมีแซมมี่มารำบวงสรวงแล้ว ยังจะมีพิธีพุทธาภิเษกเทวาภิเษก วัตถุมงคลพญาศรีสัตตนาคาราช รุ่นอภิมหาทรัพย์ มีพระเกจิชื่อดังร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต กำหนดเปิดจองวันที่ 1-21 มิถุนายน 65 นี้
ทางด้าน อาจารย์คฑา ชินบัญชร หมอดูชื่อดังผู้มีความผูกพันกับชาวจังหวัดนครพนม และเคารพศรัทธาต่อพญาศรีสัตตนาคราช ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับนายพิเชฎฐ์ หลั่งทรัพย์ ประธานชมรมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพุทธศิลป์และการท่องเที่ยวนครพนม อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนครพนม (สารพัดช่างเดิม) ในวันบวงสรวงที่ 7 กรกฎาคม หลังเสร็จพิธีขอประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวอย่ารีบกลับ เพราะตนมีของเซอร์ไพรส์มาฝาก แต่จะอะไรนั้นขออุบไว้ก่อน
สำหรับภายในบริเวณงานริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร ตลอดทั้ง 7 วัน 7 คืน มีเวทีการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงสินค้า OTOP จากกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่ 12 อำเภอ คาราวานสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และช่วงรำบวงสรวงในแต่ละวันมีโรงทานจากผู้มีจิตศรัทธานำอาหารหวานคาว บริการแก่ผู้มาเที่ยวชมงานตลอดทั้ง 7 วันมากกว่า 10 โรงทาน โดยทุกวันของงานบวงสรวงประจำปี 2565 มีสาวงาม 8 ชนเผ่าจากอำเภอต่างๆอำเภอละ 50 คนแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง ร่วมกับกลุ่มนางรำศรีโคตรบูร และกลุ่มนางรำเทศบาลเมืองนครพนม รำถวายปู่พญานาควันละ 500 คน
ในตำนานความเชื่อเรื่องของพญานาคนั้น เป็นตำนานที่เล่าขานกันตั้งแต่สมัยโบราณกาล รวมทั้งปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยหลายๆเรื่อง แม้กระทั่งจวบจนถึงปัจจุบัน มักได้รับการกราบไหว้บูชาจากผู้คนมากมายเพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมอำนาจบารมี รวมทั้งขอโชคลาภ แม้แต่ในวัดหรือศาสนสถาน จะเห็นบันไดเป็นรูปพญานาค หรือมีรูปปั้นพญานาคตั้งอยู่ให้เห็นกันตลอด
“นาค” หรือ “พญานาค” เป็นสัตว์หิมพานต์ กึ่งสัตว์ กึ่งเทพ มีพละกำลังและอิทธิฤทธิ์มากมาย ลักษณะคล้ายงูใหญ่ แต่มีหงอน ดวงตาสีแดง เกล็ดมีหลายสีแล้วแต่ว่าเป็นนาคตระกูลไหน นาคโดยทั่วไปมีเศียรเดียว แต่หากพญานาคองค์ใดที่มีบารมีและอิทธิฤทธิ์สูง ก็จะสามารถแผ่เศียรได้อีก ส่วนใหญ่จะแผ่เป็น 3 เศียร 5 เศียร 7 เศียร หรือ 9 เศียร ยกเว้นแต่องค์พญาอนันตนาคราช จ้าวแห่งพญานาคทั้งปวง สามารถแผ่เศียรได้มากไม่จำกัด นอกจากนี้นาคก็ยังมีสภาวะเป็นทิพย์ คือสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ตามใจปรารถนา มีอิทธิฤทธิ์ในการบันดาลให้เกิดฝนอีกด้วย และมีควาเลื่อมใสในพุทธศาสนา
ทั้งนี้พญานาคเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จึงกระนั้นก็จัดอยู่ในฝ่ายสุคติภูมิ สถิตอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งในตำนานกล่าวว่าพญานาคมีที่อยู่อาศัยในแม่น้ำ หนอง คลอง บึง หรือแม้ในสวรรค์ ซึ่งพญานาคหรือนาคราชเป็นเจ้าแห่งท้องน้ำ เป็นผู้มากด้วยอิทธิ์บารมี มีจอมกษัตริย์นาคา(นาคาธิบดี) 9 พระองค์ที่คอยปกครองเหล่านาคทั้งหลาย
ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะพญาศรีสัตตนาคราช(นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) เป็นกษัตริย์เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว ปกปักษ์รักษาดินแดนแถบลุ่มน้ำโขงทั้งฝั่งไทยและลาว เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบารมี เดิมมีชาติกำเนิดเป็นนาคธรรมดา มีบิดาเป็นมนุษย์ แต่มารดาเป็นพระธิดาของพญาสนธินาคราชและพญาศรีภวนานาคินีผู้สืบเชื้อสายมาทางตระกูลขององค์พญามุจลินทร์นาคราช มีวังนาคินทร์อยู่ใต้บริเวณพระธาตุหลวงกลางกรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาว มีความเชื่อว่า บ่อน้ำทิพย์ที่อยู่บริเวณพระธาตุหลวงเป็นทางเชื่อมเข้าสู่วังบาดาล
พญาศรีสัตตนาคราชมีความใกล้ชิดกับพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นผู้ที่ศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก มีนิสัยอ่อนโยน ไม่โปรดการต่อสู้ ท่านชอบมาจำศีลบำเพ็ญเพียรและปฎิบัติธรรมที่พระธาตุพนมอยู่เป็นนิจ ท่านจึงเป็นพญานาคราชที่สมถะที่สุดในบรรดา 9 นาคาธิบดี และทรงเป็นพระสหายรักของพญาศรีสุทโธนาคราช กษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งไทยผู้ทรงโปรดในการปฏิบัติธรรมเช่นกัน
โดยนามของพญาศรีสัตตนาคราชถูกพบในตำนานอุรังคธาตุ โดยมีใจความว่า ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จสู่ดอยนันทกังรีอันเป็นที่อยู่ของนางนันทยักษ์ ปรากฏมีพญานาค 7 เศียรนามว่าศรีสัตตนาค เข้ามาทูลขอให้องค์พระศาสดาทรงย่ำรอยพระบาทไว้ ณ ที่แห่งนั้น พระศาสดาจึงทรงย่ำพระบาทลงไปแล้วตรัสแก่พระอานนท์ว่า เราเห็นพญานาค 7 เศียรเป็นนิมิต ต่อไป ณ ที่แห่งนี้ให้ตั้งชื่อว่าเมืองศรีสัตตนาค
สำหรับองค์พญาศรีสัตตนาคราชที่ผู้เลื่อมใสศรัทธาคนนิยมไปบูชากัน สถิตอยู่ที่จังหวัดนครพนม ซี่งถือว่าเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีน้ำหนักรวมถึง 9 ตัน เป็นองค์พญานาคขดหาง 7 เศียรงดงามประดิษฐานอยู่บนแท่น 8 เหลี่ยม มีความสูงรวมฐาน 15 เมตร ในแต่ละวันกลิ่นธูปควันเทียนไม่เคยจางไปจากแท่นบูชา เนื่องจากจะมีผู้คนไปกราบไหว้และขอพรจเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หรือนำเครื่องสักการบูชามาไหว้และแก้บนประจำทุกวัน
