ผบ.มทบ. 210 พร้อม ประธานแม่บ้านทหาร นำกำลังพล ร่วมไว้อาลัยมอบเงินช่วยเหลือทำศพเบื้องต้น สห.เกิ้ล เหยื่อ สห.รุ่นพี่ปืนโหด รับปากหน้าศพเสนอกองทัพบกปูนบำเหน็จ ให้สิทธิ์ช่วยเหลือทุกด้าน ยันศาลทหารให้ความเป็นธรรม เกิดจากปมขัดแย้งส่วนตัวไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานในหน่วย ด้านเมียผู้ตายร้องสิทธิ์หลัก ขอช่วยทุนการศึกษาลูกชาย จนจบปริญญาตรี
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าสวรายงานว่า ที่ บ้านเลขที่ 64 หมู่ 7 บ้านไทยเจริญ หมู่ 7 ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พล.ต.สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม พร้อมด้วย นางจีระนุช บุญชู ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มทบ.210 พ.ท.ธารนรินทร์ บำรุงภักดี ผู้บังคับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ร.ท.อลงกฤต ศุขวัฒน์ รอง ผบ.ร้อยทหารสารวัตร มทบ.210 รักษาราชการแทน ผบ.ร้อย นำตัวแทนข้าราชการทหารในสังกัด และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีไว้อาลัย มอบเงินช่วยเหลือค่าทำศพเบื้องต้น จำนวน 25,000 บาท และประกอบพิธีรดน้ำศพ สิบตรี วัชระ อินาลา หรือ สห.เกิ้ล อายุ 29 ปี ตำแหน่งสารวัตรทหาร มทบ.210 นครพนม กรณีถูก สิบโท มานิตย์ จันทะพินิจ หรือ สห.วิทย์ อายุ 33 ปี ตำแหน่งสารวัตรทหาร หรือ สห. มทบ.210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง นครพนม ชาว อ.ปลาปาก จ.นครพนม ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม.กระหน่ำยิงเสียชีวิต ขณะเข้าเวรรักษาการป้อมยาทางเข้าค่ายพระยอดเมืองขวาง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ภายหลังศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี อนุมัติออกหมายจับ ฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และผู้ต้องหา ได้เข้ามอบตัว รับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 พร้อมสารภาพว่า เป็นความแค้นส่วนตัว อ้างไม่พอใจผู้ตายเพราะไม่เคารพรุ่นพี่ และก่อเหตุด้วยความบันดาลโทสะ อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ส่วนการฌาปนกิจศพ จะมีขึ้นในเช้าวันที่ 23 สิงหาคม 2565 โดยทุกวันไม่มีการสวดอภิธรรมศพ เพราะเป็นความเชื่อของชาวชนเผ่าผู้ไทย เมื่อตายกะทันหัน จะต้องทำตามพิธีความเชื่อชนเผ่า คือ รอทำพิธีตอนวันเผาศพรอบเดียว
ด้าน พล.ต.สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ได้หารือรับปากต่อหน้าศพ รวมถึงยืนยันต่อ แม่ผู้เสียชีวิต คือ นางอัมรา อินาลา อายุ 65 ปี รวมถึงภรรยาผู้ตาย คือ นางสาวสกาวเดือน ขันจันทร์ หรือเปิ้ล อายุ 32 ปี เพิ่งคลอดลูกชายได้ประมาณ 1 เดือน ว่าจะมีการเสนอให้การช่วยเหลือ ผู้ตาย และครอบครัวทุกด้าน ทั้งการเสนอปูนบำเหน็จ เงินสวัสดิการ เงินประกันชีวิต และกองทุนช่วยเหลือทุกด้าน นอกจากนี้หาก ทางภรรยา และลูกต้องการขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือ เกี่ยวกับ การทำงาน รวมถึงการศึกษาบุตร จะได้เสนอทางกองทัพบกพิจารณาช่วยเหลือ ให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันทางภรรยาผู้ตาย ได้เรียกร้องสิทธิ์ อันดับแรก คือขอให้ลูกชายได้รับทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี ในส่วนของการดำเนินคดี ขอให้ศาลทหารให้ความ เป็นธรรมลงโทษผู้กระทำผิดขั้นเด็ดขาด คือ ประหารชีวิต และต้องได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะเรียกร้องทางกองทัพบกช่วยเหลือให้ถึงที่สุด
ด้านนางสาวสกาวเดือน ขันจันทร์ หรือเปิ้ล อายุ 32 ปี ภรรยาผู้ตาย ทำงานเป็นลูกจ้างที่ว่าการอำเภอโพนสวรรค์ จ.นครพนม เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณทางผู้บังคับบัญชา มทบ.210 นครพนม ที่ได้ให้กำลังใจ ดูแลช่วยเหลือ หลังสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ที่สำคัญตนพึ่งแต่งงานกับผู้ตาย เมื่อต้นปี 2564 เพิ่งมีลูกชายด้วยกันคนแรก คือ น้องภาคิน อายุ ได้แค่เดือนเดียว ยังไม่ทันเห็นหน้าพ่อ แต่ต้องมาจากไปเสียก่อน ทำให้ครอบครัวชีวิตพัง ยอมรับแค้นมากคนที่ลงมือฆ่า เป็นรุ่นพี่ ทำงานด้วยกัน สนิทคุ้นเคยกัน แค่อ่างว่าไม่พอใจไม่เคารพรุ่นพี่ มันเป็นแค่ข้ออ้าง แต่ยืนยันสามีไม่เคยบอกว่ามีปัญหากับคนก่อเหตุ และเชื่อว่าไม่ไปหาเรื่องใครก่อน แต่คนก่อเหตุคงทำไปเพราะไม่คิดถึงความสูญเสียที่จะตามมา ทั้งที่ตนเอง ก็ต้องดูแลแม่ ทั้ง ไม่แตกต่างคือ พ่อเสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ สิ่งแรกที่ตนจะเรียกร้องสิทธิ์ คือ จะต้องได้รับสิทธิ์ทุกด้าย ในการดูแลช่วยเหลือจากต้นสังกัด สำคัญที่สุดคือลูกชาย จะต้องได้รับทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี ส่วนตนขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้สามีของตนจะต้องได้รับสิทธิ์เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ และวิงวอนศาลทหารมีบทลงโทษเด็ดขาดกับผู้ต้องหา คือขั้นประหารชีวิต ถึงจะสาสม เพราะไม่ต้องการเอาเงินมาแลกกับชีวิตสามี หากไม่ได้รับความเป็นธรรมตนจะเรียกร้องถึงที่สุด แต่เบื้องต้นยอมรับในการดูแลรับปากของผู้บังคับบัญชา
พล.ต.สถาพร เปิดเผยว่า วันนี้ทางหน่วย รวมถึงผู้บังคับบัญชา และกำลังพลเกี่ยวข้อง ได้มาไว้อาลัย แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบเงินทำศพเบื้องต้น จำนวน 25,000 บาท ส่วนการดูแลด้านสิทธิต่างๆ จะได้เสนอให้ทางกองทัพบก ช่วยเหลือทุกด้าน ทั้งเงินสวัสดิการ เงินประกันชีวิต รวมถึงกองทุนทุกด้าน และจะเสนอปูนบำเหน็จตามระเบียบทางราชการ ยืนยันจะช่วยเหลือเต็มที่ ตามข้อเรียกร้องของครอบครัว ขอให้มั่นใจ ทางหน่วย มทบ.210 นครพนม จะดูแลช่วยเหลือทุกด้าน และขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการของศาลทหาร จะมือบทลงโทษที่ให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ที่สำคัญปมขัดแย้งตนยืนยันว่า เป็นปัญหาส่วนตัวไม่เกี่ยวกับปัญหาการทำงาน และไม่มีการกดดันจากผู้บังคับบัญชาอย่างแน่นอน โดยจะได้มีการกำชับดูแล กำลังพลให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่