จับแล้วสองผัวเมียสายมู ขโมยองค์ปุงเถ่ากง-ม่า ศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนม อ้างย่าทองทิพย์บงการ หวังมีอำนาจบารมีล้นหลาม
7 ก.พ.2565- ร.ต.อ.คงฤทธิ์ พลศรี รอง สว.สืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เจ้าของคดี ได้เบิกตัวนายศุภมิตร จันทรเสนา อายุ 42 ปี เป็นชาวอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และ นางสาวพิณรัตน์ บริรักษ์ธนโชติ อายุ 46 ปี เป็นชาวจังหวัดอุบลฯ โดยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ไปพบกับ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.ฯ) พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.ฯ พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สืบสวนภ.จว.ฯ พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.ธนชิต สุขพัฒนานรากุล รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองนครพนม สอบสวนรายละเอียดเบื้องต้นตามหมายจับของศาลจังหวัดนครพนมที่ จ.10-11/2565 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในสถานที่บูชาสาธารณะหรือรับของโจร
สืบเนื่องจากวันที่ 4 มกราคม 2565 ทั้งสองได้ลอบเข้าไปในศาลเจ้าพ่อหมื่นหรือปุงเถ่ากง-ม่า เทวรูปจีนที่ชาวไทยเชื้อสายจีนเคารพศรัทธามาเกือบ 100 ปี ซึ่งศาลเจ้าดังกล่าวอยู่ในบริเวณวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ภายหลังวันที่ 6 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 05.30 น. ทั้งสองได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CRV สีดำ ทะเบียน ญผ 3602 กรุงเทพมหานคร แอบนำเทวรูปปุงเถ่ากง-ม่าที่ขโมยไปมาส่งคืนริมกำแพงด้านทิศเหนือของวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) เพราะเกรงกลัวความผิด
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน บก.ภ.จว.นครพนม และ สภ.เมืองนครพนม ร่วมกันสืบหาข่าวไล่เช็คกล้องวงจรปิดที่ติดทั่วไปตามเสาไฟฟ้าเขตเทศบาลเมืองนครพนม ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดร้านอมาดา จำหน่ายเครื่องเงินทุกชนิด ตรงบริเวณสามแยกด้านหลังวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) พบว่าในวันและเวลาใกล้เคียงกันของวันที่ 6 มกราคม มีภาพรถยนต์เก๋งต้องสงสัยขับเข้ามาจอดกำแพงด้านทิศเหนือ มีและชายหญิงคู่หนึ่งลงจากรถช่วยกันยกสิ่งของมาวางไว้ข้างกำแพง แล้วรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยในกล้องวงจรปิดเห็นยี่ห้อและทะเบียนรถได้อย่างชัดเจน
ชุดสืบสวนจึงตรวจหาชื่อผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว ทราบว่ามีนางสาวพิณรัตน์เป็นเจ้าของรถ มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอุบลฯ จึงเดินทางไปตามที่อยู่และทราบต่อมาว่านายศุภมิตรเป็นสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีลักษณะสูงประมาณ 180 ซม. คล้ายชายในกล้องวงจรปิด กระทั่งทราบพฤติกรรมสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นสายมูเตลู หมายถึงการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางของขลัง ไปจนถึงการทำพิธีกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับศาสนา นอกจากนี้มูเตลูยังสื่อถึงการทำบุญเสริมดวงชะตาให้ชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การเงิน ความรัก ดูดทรัพย์และโชคลาภ รวมไปถึงการคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย หรือ การไปไหว้ เป็นต้น
โดยทั้งสองชอบเดินสายไปในหลายๆจังหวัดของประเทศไทย และยังอ้างถึงความเชื่อในสิ่งเร้นลับต่างๆ ถึงขั้นเปิดเพจจำหน่ายน้ำมนต์ขับไล่โควิด และก็มีคนเชื่อสั่งซื้อไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งชุดสืบสวนได้แกะรอยจนทราบว่าก่อนที่เทวรูปจีนปุงเถ่ากง-ม่าจะหายไปจากแท่นบูชา สองผัวเมียคู่นี้ได้เดินทางไปสวดมนต์ข้ามปีที่สำนักองค์เณรบัลลังก์แก้วคำดำริมแม่น้ำโขง บ้านเมืองเก่า ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม และได้ขับรถยนต์ตระเวนไปอีกหลายแห่งในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ส่วนมากในกล้องวงจรปิดจะเห็นไปตามศาลเจ้าต่างๆ และจะถือสิ่งของที่ประชาชนนำไปถวายเช่น ฉัตรทอง-เงิน ศาลหลักเมืองนครพนม,ผ้าคลุมพระธาตุนคร และสร้อยมุกข้อมือเจ้าแม่กวนอิมในวัดมหาธาตุ,เครื่องเซ่นไหว้ศาลเจ้าพ่อคำแดง-ศาลเจ้าพ่อสิบสอง และรูปปั้นสิงโตหน้าศาลเจ้าพ่อสัมมะติ ติดมือออกมาด้วย จึงนำมาสู่การขอหมายจับจากศาลจังหวัดนครพนม และศาลฯได้อนุมัติลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ตามที่กล่าวข้างต้น
ขณะเดียวกันชุดสืบสวนได้ไปนอนเฝ้าดูพฤติกรรมสองผัวเมียที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลฯถึง 2 คืน พบทั้งสองขลุกอยู่แต่ในห้องโดยไม่ยอมออกมาข้างนอกเลย กระทั่งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ทั้งสองก็เดินออกจากห้องหอบสิ่งของพะรุงพะรังขึ้นรถขับออกจากรีสอร์ทแห่งนั้นไป โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (อุบล-นครพนม) ผ่านจังหวัดอำนาจเจริญ,ยโสธร,มกดาหาร และนครพนม มุ่งสู่จังหวัดบึงกาฬ และปลายทางอยู่ที่อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เพื่อร่วมพิธีบวงสรวงปู่อือลือ ชุดปฏิบัติการเฝ้าดูจนทั้งสองร่วมพิธีดังกล่าวเสร็จ จึงนำหมายจับแสดงให้ดูตรงบริเวณท่าเรือชัยนาคา บ้านเสกโพธิ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง ทั้งคู่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับในหมายจับ จึงนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ตามขั้นตอนของกฎหมาย
สองสามีภรรยารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่ามีย่าทองทิพย์ที่เคารพนับถือใช้วิธีพูดคุยกันในเฟซบุ๊กเป็นผู้บงการ โดยสั่งให้ตนไปเอาเทวรูปปุงเถ่ากง-ม่าในศาลเจ้าพ่อหมื่น เพื่อจะทำให้มีอำนาจบารมีเหลือล้น ระหว่างที่เข้าไปในศาลจะคอลคุยกับย่าทองทิพย์ตลอดเวลา โดยย่าสั่งให้ทำอะไรก็ทำหมด ตั้งแต่เอาเทวรูปองค์ปุงเถ่ากง-ม่าใส่กล่องกระดาษ ยกขึ้นรถขับไปซ่อนไว้ที่สำนักองค์เณรบัลลังก์แก้วคำดำริมแม่น้ำโขง จากนั้นย่าทองทิพย์ยังสั่งให้ไปเอาสิ่งที่ประชาชนในจังหวัดนครพนมกราบไหว้บูชามาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ด้วย ตนทั้งสองจึงตระเวนไปขโมยสิ่งของตามความเชื่อว่าจะมีบารมีมากมายก่ายกอง กระทั่งมีข่าวออกทางสื่อโทรทัศน์ หนังสือ และออนไลน์ จึงเกรงกลัวความผิด จึงรีบนำปุงเถ่ากง-ม่าใส่ท้ายรถเก๋งขับไปวางไว้ข้างกำแพงศาลเจ้าดังกล่าว และเชื่อว่าย่าทองทิพย์จะปิดหูปิดตาเจ้าหน้าที่ไม่ให้เห็นภาพตน จึงตระเวนขับรถคู่ชีพไปร่วมงานสายมูเตลูอีกหลายแห่งทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง จนมาถูกจับที่พิธีบวงสรวงปู่อือลือดังกล่าว รวมระยะการเวลาสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 เดือนพอดี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สองผัวเมียไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด มีหัวเราะในบางทีอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะล่าตัวย่าทองทิพย์ผู้บงการตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป