ภูมิภาค
สะเทือนใจ! พ่อฆ่ารัดคอลูกทนเห็นป่วยติดเตียงไม่ได้ ก่อนคว้ามีดพร้าปาดคอตายตาม
วันเสาร์ ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 19.48 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 23 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ มะลาศรี พนกงานสอบสวน สภ.นาหว้า จ.นครพนม รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆ่าตายในบ้านเลขที่ 191 หมู่ 3 บ้านหนองไชยวาน ต.นาหว้า จึงประสานแพทย์เวร รพ.นาหว้า และกู้ภัยศรีสัตตนครพนม เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวที่ปลูกเป็น 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยบริเวณชั้นล่างมีเตียงคนไข้อยู่ตรงหน้าต่างติดประตูหน้าบ้าน พบศพผู้ตายเป็นชายทราบต่อมาว่าชื่อนายอนันตชัย อังคะมาตย์ หรือเท่ อายุ 22 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงในสภาพสวมใส่แพมเพิสผ้าอ้อมผู้ใหญ่เพียงตัวเดียว มีเชือกไนล่อนสีแดงรัดอยู่ที่ลำคอ และไม่มีร่องรอยการต่อสู้
ระหว่างเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพนายเท่อยู่นั้น ก็มีชายเลี้ยงควายวิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งว่า พบศพผู้ชายคนหนึ่งนอนตายอยู่ในศาลาที่สร้างไว้ให้ประชาชนพักผ่อนริมสระน้ำหนองไชยวาน ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร และยังไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบทราบว่าชายดังกล่าวชื่อนายทองไสว อังคะมาตย์ หรือกึด อายุ 54 ปี เป็นพ่อของนายเท่นั่นเอง มีบาดแผลเฉือนบริเวณลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ และมีมีดพร้าตกอยู่ที่มือด้านขวา เลือดสาดกระเซ็นเต็มศาลา จึงเก็บหลักฐานจุดที่พบศพทั้งสองแห่งไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของสองพ่อลูกอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นนางสังวรณ์ อรรคบาล อายุ 54 ปี ภรรยาและเป็นแม่ของนายเท่ เล่าว่าลูกชายออกโรงเรียนไปทำงานเป็นลูกจ้างร้านนึ่งข้าวขายอยู่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นเวลานานหลายปี จนสามารถเก็บเงินดาวน์รถยนต์ 4 ประตูมาใช้ได้ 1 คัน กระทั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังเลิกงานลูกชายไดขับรถยนต์คู่ชีพไปหาเพื่อน ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักตกถนน เป็นเหตุให้ลูกชายคอและกระดูกสันหลังหัก แพทย์จึงแจ้งญาติว่าคนไข้จะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.นานหลายสัปดาห์
วันที่ 12 สิงหาคม ตนได้เหมารถไปรับลูกชายกลับมารักษาต่อที่ รพ.นาหว้า เพราะครอบครัวไม่เงินจะจ่ายค่าหมอ โดยได้ค่าประกันอุบัติเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท ซึ่งทาง รพ.ก็เมตตาคิดค่ารักษาตามที่ประกันจ่ายให้ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พาลูกชายเข้ารักษาที่ รพ.นาหว้า ทันที กระทั่งต้นเดือนตุลาคมแพทย์ได้อนุญาตให้กลับมาดูแลต่อที่บ้าน พร้อมมอบเตียงคนไข้ให้มา 1 ตัว
นางสังวรเล่าต่อทั้งน้ำตาว่า นายกึกสามีเห็นสภาพลูกชายกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ได้แต่ยืนมองน้ำตาคลอเบ้า แต่ไม่เคยปริปากพูดหรือบ่นอะไร เพราะปกติสามีก็เป็นคนไม่ค่อยคุยกับใครไม่เคยแตะสิ่งของมึนเมา จะดูแลเปลี่ยนแพมเพิสและนอนใต้เตียงผู้ป่วยเพื่ออยู่เฝ้าลูกชายในตอนกลางคืนเสมอ
วันเกิดเหตุตนพร้อมลูกสาวคนเล็กอายุ 10 ขวบ ขับ จยย.ไปดูต้นข้าวในนาว่าจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่ จึงบอกกับสามีว่าถ้าลูกหิวข้าวก็ป้อนเขา ตนกลับจากนาก็จะล้างแผลกดทับเอง สามีไม่ตอบได้แต่พยักหน้า ตนใช้เวลาไปดูข้าวประมาณ 1 ชั่วโมงก็กลับเข้าบ้าน พบประตูหน้าบ้านและหน้าต่างปิด ซึ่งเป็นปกติถ้าสองพ่อลูกคู่นี้อยู่ด้วยกันมักจะปิดประตูหน้าต่างแบบนี้และนอนคุยกัน ตนเปิดประตูเข้าไปไม่เห็นลูกชายอยู่บนเตียง เดินอ้อมมาอีกด้านเห็นสภาพลูกนอนอยู่ที่พื้น โดยมีเชือกไนล่อนสีแดงที่ใช้ผูกควายรัดอยู่ที่ลำคอ ด้วยความตกใจจึงตะโกนเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยอุ้มร่างลูกขึ้นบนเตียง พร้อมปั๊มหัวใจ ตนก็ตะโกนร้องเรียกชื่อสามีว่าอยู่ไหนๆ สุดท้ายไม่สามารถกู้ชีวิตลูกกลับคืนมาได้ กระทั่งคนเลี้ยงควายแถวสระน้ำหนองไชยวานไปพบร่างสามีใช้มีดเฉือนคอตัวเองตายคาศาลาริมน้ำ
นางสังวรณ์ร่ำไห้เล่าถึงช่วงนี้ว่า นายกึดรักลูกชายคนนี้มาก โดยมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นชายสองหญิงหนึ่งนายเท่เป็นคนกลาง และสามีทนเห็นสภาพลูกต้องมานอนป่วยติดเตียงเช่นนี้ไม่ได้ จึงใช้เชือกรัดคอลูกก่อนจะไปหยิบมีดพร้าเดินข้ามลัดทุ่งนา เพื่อฆ่าตัวเองตายตามลูกที่ตนรักมากที่สุด สำหรับการฌาปนกิจศพยังต้องรอปรึกษาญาติๆก่อน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่