บรรยากาศการเลือกตั้งท้องถิ่นเทศบาลตำบล ทั้ง 22 แห่ง จ.นครพนม เริ่ม คึกคักมากขึ้น ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลหลายแห่ง ต่างนำทีมลงพื้นที่ ชูนโยบายการพัฒนา เพื่อเรียกคะแนนความนิยมให้มากที่สุด เช่นเดียวกันกับเทศบาลตำบลนาแก ถือเป็นอีกพื้นที่สำคัญ ที่เป็นพื้นที่ศูนย์กลางอำเภอเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เชื่อมโยง 3 จังหวัดกลุ่มสนุก นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่น่าจับตามอง และเชื่อว่าจะมีการแข่งขันสูง
นอกจากนี้ยังเป็นศึกเลือกตั้งที่วัดศักดิ์ศรีคนสนิท ของ กลุ่ม ส.ส. ทั้ง 2 ขั้ว ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีผู้สมัครชิงนายก จำนวน 2 คน คือ นายธวัชชัย มณีกุลทรัพย์ อายุ 44 ปี หรืออดีตนายกโหน่ง ผู้สมัครหมายเลข 1 ซึ่งเคยชนะการเลือกตั้ง 1 สมัย ตั้งแต่ปี 2552 และพ่ายการเลือกตั้งในวาระล่าสุดให้กับ นายวิทยา แสงสุวรรณ อดีตนายกคนล่าสุด แต่ครั้งนี้ถอนตัวไม่ลงสมัครอำลาเส้นทางการเมือง ทำให้ มีคู่แข่ง ผู้สมัครหน้าใหม่ คือ นายศิริชัย ไตรยราช อายุ 62 ปี ผู้สมัครนายกหมายเลข 2 อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่ง ซึ่งผันตัวมาลงสนามการเมือง ชิงนายกเทศมนตรีตำบลนาแก ในครั้งนี้ หวังเข้ามาพัฒนาอำเภอนาแก ร่วมกับอดีต สท.หลายเขต ในฐานะสายเลือกลูกหลานชาว อ.นาแก จ.นครพนม
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ถึงแม้ผู้สมัคร ทั้ง 2 ขั้ว จะยืนยันว่า ไม่มีการเกาะกระแสพรรค และไม่ยึดติดกับกระแสพรรคการเมืองใหญ่ แต่ยังต้องถือว่าเป็นศึกวัดบารมีของ กลุ่ม ส.ส. 2 ขั้ว เนื่อง จาก นายธวัชชัย มณีกุลทรัพย์ อายุ 44 ปี หรืออดีตนายกโหน่ง ผู้สมัครนายกหมายเลข 1 เป็นคนสนิท ของ นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.เพื่อไทย เขต 4 นครพนม ที่ผันตัวไปลงสมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ แต่พ่ายการเลือกตั้ง และปัจจุบันผันตัวไปร่วมงานเป็นตำแหน่ง รองนายก อบจ.นครพนม กับ นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ น้องขวัญ ลูกสาว นายศุภชัย โพธิ์สุ ครูแก้ว ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต 1 นครพนม รองประธานสภาผู้แทนคนที่ 2
ส่วนอีกคนคือ นายศิริชัย ไตรยราช อายุ 62 ปี ผู้สมัครนายกหมายเลข 2 ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย และยังเคยมีตำแหน่ง เป็นอดีตผู้ช่วย ส.ส. ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นศึกศักดิ์ศรี ทั้งจะต้องวัดบารมีความนิยมส่วนตัวของผู้สมัครนายก และยังต้องเป็นการวัดคะแนนความนิยมของฐานกระแสจากกลุ่มขั้ว ส.ส.ทั้ง 2 ขั้วอีกด้วย
นายธวัชชัย มณีกุลทรัพย์ อายุ 44 ปี หรืออดีตนายกโหน่ง ผู้สมัครนายกหมายเลข 1 เปิดเผยถึงเส้นทางการเมือง และนโยบายการทำงาน ว่า ตนมีความรักในเส้นทางการเมือง มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชุมชนเทศบาลนาแก หลังเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง ในตำแหน่ง สมาชิกสภาเทศบาลนาแก ครั้งแรก เมื่อปี 2545 ในขณะนั้นอายุเพียงแค่ 25 ปี ทำให้ได้เข้าไปบริหารงาน ร่วมกับคณะผู้บริหาร ได้สัมผัสปัญหาความเป็นอยู่ของชาวเทศบาลตำบลนาแก เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมืองมานานหลายปี จนกระทั่งมีโอกาส ได้ลงสมัครในตำแหน่ง สท. เป็นวาระที่ 2 เมื่อปี 2547 จนกระทั่งถึงปี 2552 ได้มีความมั่นใจที่จะมีส่วนร่วมในการเข้าไปนั่งเป็นผู้บริหารระดับนายกเทศมนตรี จึงตัดสินใจลงสมัครชิงนายกเทศมนตรีตำบลนาแกครั้งแรก ในปี 2552 ชนะการเลือกตั้ง นั่งในตำแหน่ง 1 สมัย และแพ้การเลือกตั้งในครั้งที่ 2 แต่ยังทำงาน สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนมาตลอด เพราะตลอดการทำงาน ตนมองเห็นปัญหา และจุดแข็งของ อำเภอนาแก ที่เป็นเมืองที่มีจุดแข็ง ทั้ง เศรษฐกิจการท่องเที่ยว รวมถึงประเพณีวัฒนาธรรม จึงทำงานร่วมกับภาคประชาชนมาตลอด
อดีตนายกโหน่ง กล่าวอีกว่า ในที่สุดกว่า 7 ปี ที่รอคอย เมื่อมีการเลือกตั้ง ตนจึงลงสมัครรับรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลนาแก ในครั้งนี้สำคัญที่สุด ตนมุ่งมั่น ต้องการพัฒนาเทศบาลนาแก ควบคู่กับอำเภอนาแก รวมถึง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในเขต อ.นาแก จะต้องร่วมมือกัน ในการพัฒนาทั้ง เศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรมประเพณี สำคัญที่สุดตนมองว่า อนาคต อำเภอนาแก จะต้องไม่ใช่แค่ทางผ่าน จะต้องเป็นจุดดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว เข้ามาท่องเที่ยวชมประเพณีวัฒนธรรม และสถานที่สำคัญของอำเภอนาแก อาทิ กราบไหว้ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์ กราบไหว้ขอพรพระธาตุศรีคุณ ประจำวันเกิดวันอังคาร รวมถึงสถานที่สำคัญเส้นทางประวัติศาสตร์ถิ่นสหาย ในอดีต และจะต้อง เป็นศูนย์กลางการค้าตลาดชุมชน เชื่อมโยงการท่องเที่ยว ไปยัง 3 จังหวัด นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร รวมถึง อำเภอท่องเที่ยวใกล้เคียง
นอกจากนี้ตนมองว่า เรื่องเส้นทางคมนาคม จะต้องมีการผลักดันจากเทศบาลไประดับอำเภอไประดับจังหวัด ให้ มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคม เชื่อมไปยัง ตัวเมืองนครพนม เป็นถนน 4 เลน จาก อ.นาแก ไป จ.นครพนม รวมถึง สกลนคร และเชื่อมไป อ.ธาตุพนม จะเกิดความสะกวด ความปลอดภัย ในการเดินทาง ทั้งการขนส่ง สินค้า การท่องเที่ยว ส่วนภาคการค้า จะต้องส่งเสริมให้ประชาชน เข้าใจเรื่องการตลาดออนไลน์ กระจายสินค้าส่งขายได้มากที่สุด รวมถึงพัฒนาตลาดเทศบาลตำบลนาแก ให้เป็นศูนย์กลางการค้าด้านเกษตร รวมถึงสินค้าทุกด้าน
อดีตนายกโหน่ง ยังกล่าวอีกว่า สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้ คือเรื่อง การส่งเสริมการกีฬา พัฒนาลานกีฬา ควบคู่กับการส่งเสริมด้านสุขภาพ มีทีมงานลงพื้นที่แนะนำดูแลสุขภาพแก่ชุมชน ทั้งการออกกำลังกาน การดูแลโภชนาการ ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ลดความเสี่ยงการเจ็บป่วย รวมถึงดูแลผู้ป่วยที่ติดเตียง ให้ได้รับการบริการทั่วถึง ไปจนถึงการพัฒนาชุมชนให้เป็นเมืองปลอดขยะ เพื่อความสะอาดสวยงาม ปราศจากมลภาวะ
อย่างไรก็ตามการเลือกจั้งครั้งนี้ กลุ่มนาแก ร่วมใจ ได้ระดมทีมงานทุกภาคส่วน ที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น อยากพัฒนาเทศบาลตำบลนาแก ทั้งคนยุคใหม่ ยุคเก่า จะต้องร่วมใจกัน รวมถึงประชาชนทุกคน เน้นการทำงาน จากนำปัญหาระดับล่างขึ้นสู่ระกับบน ไปแก้ไข และจะต้องเป็นการสร้างความร่วมมือภาคประชาชนเป็นหลัก ไม่เน้นนโยบายจากผู้บริหาร ทุกอย่างต้องมาจากประชาชนเป็นที่ตั้ง
มาถึงวันนี้ตนเชื่อมั่นว่า 12 ชุมชนในเทศบาลตำบลนาแก จะให้โอกาสตน และทีมงานได้เข้าไปรับใช้ นำประสบการณ์การเมืองไปพัฒนาท้องถิ่นเต็มความสามารถ กลุ่มนาแกร่วมใจ พร้อมที่จะสร้างความร่วมมือกับประชาชน โดยไม่ได้คาดหวัง หรือมุ่งหวัง กับกระแสพรรคการเมืองใด แต่เราเน้นตัวบุคคลที่มีความจริงใจในการพัฒนาท้องถิ่น ส่วนการเมืองระดับชาติ เราเชื่อว่า จะเป็นเพียงจุดเชื่อมในการร่วมมือการพัฒนา ระหว่างท้องถิ่น รวมถึงระดับจังหวัด มายุงชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้มีศักยภาพในส่วนที่เกินขีดความสามารถของท้องถิ่น แต่เราไม่ได้เอากระแส หรือความนิยมมีขายเพื่อเข้าไปบริหารงาน สำคัญที่สุดคือประชาชนเป็นเป็นหลักในการพัฒนา
++++++++++++++