อาจารย์ มธ.ร่วม ‘เดินทะลุฟ้า’ ชาวนครพนมลั่น ยุคนี้มี ‘ขุนพลอีสาน’ เกิดใหม่ โลกชื่นชม-แต่รัฐไทยมองเป็น ‘อาชญากร’
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” คืนอำนาจประชาชน ของกลุ่มราษฎร และ People Go Network ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบเดินเท้า จากจังหวัดนครราชสีมา ถึงกรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 247.5 กิโลเมตร เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมเรียกร้องให้ปล่อย 4 แกนนำ ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
โดยในวันที่ 3 มวลชนเริ่มออกเดินจากจุดพักแรม วัดบุใหญ่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.0 น. พร้อมวางเป้าหมาย รวม 15.2 กม. แวะพัก 4 จุด โดยหยุดค้างแรม จุดที่ 5 บริเวณสะพานลอยทางเข้าเมืองสีคิ้ว ทั้งนี้ มีมวลชนร่วมเดิน และให้กำลังใจเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางเดิน
อ่านข่าว : เริ่มแล้ว ‘เดินทะลุฟ้า’ จากโคราชถึงกรุงเทพฯ ‘ไผ่ ดาวดิน’ ลั่น ไม่มีวันหันหลังกลับ จนกว่าจะปล่อยเพื่อนเราให้หมด
– ไผ่ดาวดิน แจงไม่หนี ‘เดินทะลุฟ้า’เข้า กทม. ไปรายงานตัวตามหมายเรียก ม.112
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ภาสกร อินทุมาร คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิก เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ก็ได้ร่วมเดินทะลุฟ้ากับกลุ่มราษฎรในครั้งนี้ด้วย
ดร.ภาสกรเปิดเผยว่า ความจริงมาถึงแต่เมื่อคืนแล้ว เพื่อร่วมวงเสวนา จาก We Walk เดินมิตรภาพ ถึง เดินทะลุฟ้า ราษฎร
“เมื่อคืนที่เสวนากัน ประเด็นที่พูดถึงคือเรื่องแนวคิดในเรื่องการเดิน การใช้การเดินในฐานะที่เป็นกระบวนการเคลื่อนไหว เป็นเครื่องมือของการต่อสู้ภายใต้คอนเซ็ปต์แบบนักศึกษา แบบไม่ใช้ความรุนแรง กระบวนการต่อสู้ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตามแต่ รวมทั้งการเดิน ถือเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวที่ใช้เวลา แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดเราก็ได้เริ่ม พอเริ่มแล้วเราก็จะได้เริ่มเดิน พอสุดท้ายการเดินก็มีความหมาย ไม่ได้หมายความแค่กิริยาการเดิน แต่คือการแสดงความที่มุ่งไปข้างหน้า มันมีนัยยะของกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่มุ่งไปข้างหน้า กับการบรรลุเป้าหมายข้างหน้า” ดร.ภาสกรกล่าว
ดร.ภาสกรกล่าวต่อว่า ประเด็นที่ตนสนใจโดยกว้าง คือ ประเด็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย โดยที่ประชาชนต้องมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม รวมถึงในทางการเมืองที่เป็นเรื่องใหญ่เลย เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ก็เกิดมาเพื่อเรื่องนี้เช่นกัน เพื่อที่จะใช้ความเป็นนักวิชาการ ใช้เครือข่ายของนักวิชาการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ทำหน้าที่ในแง่สนับสนุนการเคลื่อนไหว พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ควรที่จะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดและกระทำการได้
ส่วนการเดินในครั้งนี้ มีเป้าหมายอยู่ 2-3 ประเด็น คือ 1.ปล่อยเพื่อนเราที่ยังถูกฝากขังอยู่ คือประเด็นที่การเดินทะลุฟ้าครั้งนี้กำลังมุ่งไปสู่ 2.การร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยประชาชน และอีกประเด็นหนึ่ง คือการยกเลิกกฎหมายมาตรา 112
“จริงๆ มาตรา 112 เป็นปัญหามานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมามีปัญหา แต่แน่นอนว่า การถูกพูดถึงว่าควรยกเลิกมาตรา 112 เกิดขึ้นอย่างหนาแน่นในช่วงเวลานี้ มาตรา 112 ก่อนหน้านี้ก็คือถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งมีมาโดยตลอด แล้วโทษในกฎหมายก็เป็นโทษที่หนัก คำอธิบายก็กว้างๆ ไม่ชัดเจน คือไม่ระบุชี้ชัดในการใช้ ประเด็นสำคัญคือ การถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกลั่นแกล้ง ในการปิดปากประชาชนมาโดยตลอด ฉะนั้นมันเลยเป็นกฎหมายที่สมควรจะต้องถูกยกเลิก
“คนที่เห็นด้วยในแนวทางนี้ หรือประเด็นที่การเดินครั้งนี้พยายามจะมุ่งไปสู่นะครับ ซึ่งความจริง โดยหลักแล้ว มันก็คือเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อยากชวนพี่น้องประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ออกมาร่วมสนับสนุน ขบวนเดินผ่านตรงไหน ท่านสามารถออกมาร่วมเดินได้ หรือมาให้กำลังใจ หรือมาอะไรก็อยากจะเชิญชวนให้ออกมาครับ” ดร.ภาสกรกล่าว และว่า
ตอนนี้ขบวนเดินทะลุฟ้า กำลังมุ่งหน้าทวงถามสิทธิเสรีภาพ หยุดยั้งการคุกคามจับกุมคุมขังและเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา รวมถึงเชื่อมโยงประชาชนกลุ่มต่างๆ ในการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย
ดร.ภาสกรกล่าวว่า วันนี้พรุ่งนี้อยู่สีคิ้ว วันต่อไปมุ่งหน้าเข้าปากช่อง มาร่วมให้กำลังใจ มาร่วมเดิน ตามเส้นทางที่เราเผยแพร่ให้ทราบในแต่ละวันได้
ด้าน “ป๊าน้อย” ประชาชนจาก อ.นาแก จ.นครพนม เดินทางมาร่วมเดินทะลุฟ้าตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พร้อมทั้งเปิดเผยเหตุผลที่ร่วมเดินว่า ตนเคลื่อนไหวทางการเมืองมาระดับหนึ่ง มาวันหนึ่ง ตนได้จัดกิจกรรมรำลึก ครูจำลอง ดาวเรือง อยู่ที่บ้านสระแก้ว จ.มหาสารคาม พยายามที่จะจรรโลงวีรบุรุษของอีสาน หรือที่ราบสูง 4 ขุนพลอีสานเป็นความภูมิใจของตน วันนี้เราได้เกิดขุนพลลูกอีสานขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นทนายอานนท์, ไผ่ หรือแม้แต่ ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ เราเกิดน้องๆ ขุนพลอีสานขึ้นในยุคสมัยที่ร่วมกับเรา
“ถามว่า ณ เวลานี้ ทนายอานนท์กับเพื่อน 4 คน โดนจับขัง ยัดคุก ในทางปฏิบัติ ในทางกฎหมาย ผมว่าไม่น่าจะใช่ แล้วเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในยุคสมัยที่ผมมีชีวิตอยู่ ผมอยากมีส่วนร่วมในเสี้ยวหนึ่งของกิจกรรมของ 4 วีรบุรุษที่เกิดขึ้นในยุคนี้
“ถ้าเราสะท้อนย้อนกลับไปในวันที่เขาเอาวีรบุรุษลูกอีสาน ไม่ว่าจะเป็น จำลอง ดาวเรือง ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมายิงทิ้งอยู่ที่แถวๆ กทม. ความทรงจำตรงนี้ทำให้เรารู้สึกว่า คนอีสานเป็นนักสู้ แล้วพอเรามาเห็น อานนท์ นำภา, ไผ่ ดาวดิน ซึ่ง 2 คนนี้ได้รับรางวัลระดับโลก ทั้งโลกเขาชื่นชม แต่รัฐบาลไทยมอง 2 คนนี้เป็นอาชญากร ซึ่งมันย้อนแย้งกับโลกเขาทำกัน ผมก็เลยมองว่ากิจกรรมที่เด็กเขาทำอยู่นี่ เราน่าจะมีส่วน ผมไม่ได้คิดอะไรลึกกว่านี้ครับ คือผมอยากมีส่วนร่วม อยากจะอยู่ในประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของวีรบุรุษลูกอีสานที่เกิดขึ้นในยุคที่ผมมีลมหายใจอยู่
อ่านข่าว : ‘อานนท์ นำภา’ ติดอันดับ TIME 100 NEXT เป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อการเปลี่ยนอนาคต
“แล้วเราได้เห็นการบังคับใช้กฎหมายในวันนี้ เวลานี้ หรือแม้แต่การเข้าสู่อำนาจของประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีเส้นทางการเข้าสู่อำนาจนั้น มันเป็นเส้นทางที่ถูกวางมา 1 2 3 4 เป๊ะ แล้วเส้นทางการสืบทอดอำนาจ วันนี้ คสช. ถามว่ายังอยู่ไหม ในความรู้สึกผม คสช.ยังอยู่ แล้ว 1 2 3 ของการร่างรัฐธรรมนูญของ คสช. หรือของทหารนั้น เราจะสังเกตว่ารัฐมนตรีของ คสช. ยังมาเป็นรัฐมนตรีสมัยที่เรียกว่า ‘เลือกตั้งจอมปลอม’ ก็มีประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหน้า คสช. สืบทอดอำนาจโดยวิธีการถูกต้องตามกฎหมาย ก็คือเขียนเอง ส.ว. 250 คน ตั้งนายกฯกันเอง” ป๊าน้อยกล่าว
ภาพจาก People GO network