เปิด 5 วาทะเด็ดการเมืองปี 2565 ส่งท้ายก่อนเตรียมเลือกตั้ง ปี 66
ปี 2565 เป็นอีก 1 ปีที่คอข่าวการเมืองจับตาติดตาม เพราะเป็นช่วงท้ายเทอม ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งตามที่ กกต. ประกาศไทม์ไลน์
ทีมข่าวอมรินทร์ออนไลน์ได้รวบรวมวาทะกรรมเด็ดๆ ของคนการเมืองตลอดปี 2565 โดยเริ่มจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ในงานการสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “บทบาทผู้นำประเทศ”
โดยช่วงท้ายก่อนจบปาฐกถา นายกฯ กล่าวถึงปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนว่า
ต้องหาวิธีการร่วมมือกันกันให้ได้ ไม่ใช่มัวแต่ติคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย ถ้ามัวแต่ติ ก็ทำไม่ได้แน่นอน เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน นายกฯรับผิดชอบทุกเรื่อง เพราะเป็นหน้าที่ ไปหาวิธีการทำให้ได้ ค่อยๆเดิน เพราะบางอย่างมันเดินช้า บางอย่างก็เดินเร็ว อันไหนช้าก็เร่งเดินให้เร็วขึ้นหน่อย
ปัญหาแม้เล็กน้อย ตำรวจที่อยู่ในคณะทำงานต้องพูดให้หมด ข้อมูลอยู่ที่ไหนบ้าง ไม่ใช่เรื่องการแก้ตัว ต้องแถลงหรือพูดต่อที่ประชุมให้รู้เรื่องว่าต้องแก้ที่ไหนอย่างไร ถนนเส้นทางต้องทำอย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับถนน ต้องทำอย่างไร แต่วันนี้หลายอย่างความแออัดทางถนนก็มี
“รถติดก็ดีอยู่อย่าง ถนนที่ติด รถมันติด อุบัติเหตุก็น้อย ไม่ตาย อย่างน้อยก็ไม่ตาย เพราะรถวิ่งเร็วไม่ได้ไง” นายกฯ กล่าว
ซึ่งภายหลังจากจบงานสัมนา คำพูดดังกล่าว ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงมุมมองและทัศนคติของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อการแก้ไขปัญหาจราจร
- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ถึงกรณีที่มี 10 กว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ่อย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า “เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมจะได้ปิดพรรค” ก่อนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เรียกได้ว่าภายหลังที่ “บิ๊กป้อม” กล่าวคำนี้ออกมา วงการการเมืองต้องสั่นสะเทือนเพราะจุดแข็งของ พปชร. คือ ส.ส.เขตรวมถึงพลังบ้านใหญ่ แต่เมื่อถึงวันนี้จุดแข็งเหล่านั้นย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทย ก็อาจทำให้พลังบารมีที่เคยมีนั้นหายไปด้วย…หรือไม่
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร.ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงช่วย “โบ๊ต” อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เบอร์ 3 ที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 10 ม.ค.65 ระบุว่า
ในนามพรรคพลังประชารัฐและเขา ตั้งใจในฐานะของคนรุ่นใหม่ ไฟแรงและมีตังค์ พี่น้อง เราเลือก ส.ส. เราเลือกตัวแทนของพวกเรา เราต้องเลือกคนที่มีความพร้อม
“หนึ่ง ชาติตระกูลต้องดี นั่นคือ ศรีตรัง ใช่รึเปล่าก็ไม่รู้ สอง ต้องมีตังค์ ไม่มีตังค์เหรอ เวลาไปช่วยชาวบ้าน สวัสดีครับพี่น้องครับ โบ๊ตไม่มีตังค์ครับ แต่สวัสดีครับพี่น้อง อ๋อพี่น้องเดือดร้อนเหรอครับ เดี๋ยวโบ๊ตเอานี่ไปใช้ก่อน อย่างนี้ชอบไหม เอาไหม ” พร้อมด้วยท่าประกอบ ล้วงกระเป๋ากางเกง
ซึ่งจากคำปราศรัยดังกล่าว เป็นชนวนให้ถูกโจมตีจากศึกในของ พปชร.ที่ไม่ชอบ ร.อ.ธรรมนัสอยู่แล้ว รวมถึงทาง ประชาธิปัตย์ที่เป็นคู่แข่งพื้นที่ในเวลานั้น ที่ออกมาตีกระแสเรื่องการดูถูกคนใต้ จน พปชร.พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนั้น
- “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์สุส.ส.นครพนม และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย กลางเวทีเปิดตัว 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา ระบุว่า
“สงสาร ส.ส.สกลนคร ผมสงสาร ส.ส. จังหวัดอุดรธานี อภิปรายในสภาฯ ทีไร เรื่องงบประมาณก็ด่ารัฐมนตรีคมนาคม ว่าทำไมต้องเอางบประมาณไปพัฒนาที่บุรีรัมย์มากมาย ทำไมต้องไปพัฒนาที่ศรีสะเกษมากมาย และสุดท้ายมาลงที่นครพนม นครพนมก็มี ส.ส.ไม่กี่คน ทำไมได้งบประมาณมาเยอะเหลือเกิน
ผมเป็นประธานบนบัลลังก์ ผมอยากจะบอกว่า ก็นครพนม มี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยอยู่ที่นี่ไง “ไอ้โง่” มันโง่จริงหรือมันแกล้งโง่ สกลนครอยากได้งบพัฒนาเยอะๆ เลือกฝ่ายรัฐบาลสิ เลือกพรรคภูมิใจไทยทั้ง 6 เขต 7 เขต รับรองสกลนครเจริญทัดเทียมนครพนม อย่างแน่นอนครับ”
จากการปราศรัยดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ “สหายแสง” ยอมลุกขึ้นยอมรับผิดและขอโทษกลางสภาฯ โดยอ้างว่า “กลอนพาไป” ซึ่งเหตุการณ์นี้ “อนุทิน” ก็ไม่ขอเอี่ยวด้วย โดยกล่าวเพียงว่า “ผู้พูดต้องรับผิดชอบเอง”
5.”อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ร่วมแถลงนโยบายในงานประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.65 ใน หัวข้อ ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ โดยช่วงตอนหนึ่งได้กล่าวถึงนโยบายที่จะนำไปใช้หาเสียงระบุว่า
“คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี อยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป”
ซึ่งหลังการปราศรัยจบลงก็เกิดปรากฎการณ์ #ค่าแรงขั้นต่ำ600 ขึ้น และมีการถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนวันต่อมา “อุ๊งอิ๊ง” ได้นำทีมเศรษฐกิจของพรรคร่วมกันแถลงชี้แจงว่า การขึ้นค่าแรง ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่หากได้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลและบริหารประเทศจนถึง 2570 ค่าแรงจะถูกปรับขึ้นเป็น 600 บาท โดยนโยบายทางเศรษฐกิจของทางพรรค